การทำ อัลตราซาวด์ 4 มิติ ถือเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นลูกที่อยู่ในท้อง แตกต่างไปการอัลตราซาวด์แบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่าง ๆ เช่นการดิ้น การดูดนิ้ว การเคลื่อนไหว ยังช่วยให้เห็นใบหน้า และอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และใช้เวลาตรวจที่เร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
อัลตราซาวด์ 4 มิติ คืออะไร มีหลักการทำงานยังไง
การ อัลตราซาวด์ 4 D หรือ 4 มิติ จะทำให้เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้อย่างชัดเจนเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริงในเวลานั้น ๆ แบบ Real time ซึ่งหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดกับคุณแม่ หรือลูกที่อยู่ในท้องก็จะทำให้รู้ได้ทันที
ซึ่งหลักการทำงานก็จะใช้อุปกรณ์ทรานสดิวเซอร์ตรวจที่ท้อง แล้วส่งคลื่นเสียงเข้าไป ทำให้เด็กที่อยู่ในท้องมีการตอบสนองต่อคลื่นเสียงชนิดนี้ด้วยการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา เครื่องอัลตราซาวด์ก็จะทำการเก็บข้อมูลแล้วส่งสัญญาณภาพกลับมาให้เห็นทางหน้าจอทำให้เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทันที
ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการทำ อัลตราซาวด์ 4 มิติ
สำหรับช่วงเวลาในการทำอัลตราซาวด์แบบปกติก็คือช่วงอายุครรภ์ประมาณ 19 – 24 สัปดาห์ แต่หากเป็นการทำแบบ 4 มิติช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คืออายุครรภ์ประมาณ 27 – 32 สัปดาห์ซึ่งจะทำให้เราเห็นลูกได้อย่างชัดเจนมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่าง ๆ เพศ หน้าตา และอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ยังไงก็ตามควรให้คุณหมอเป็นผู้วินิจฉัยว่าถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่
อัลตราซาวด์ 4 มิติ อันตรายไหม
ช่วงที่ผ่านมายังไม่มีรายงานว่ามีคุณแม่ หรือลูกในท้องได้รับอันตรายหรือผลกระทบใด ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะคำถามที่ว่าหากทำบ่อย ๆ ปลอดภัยไหม จะส่งผลกระทบต่อลูกในท้องได้โดยตรงหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่บทสรุปที่แน่ชัดเช่นกัน แต่เพื่อความอุ่นใจการทำอัลตราซาวด์อาจจะทำประมาณ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างให้มากพอสมควร ไม่ตรวจตรวจถี่ ๆ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้องได้
ดังนั้นควรจะอยู่ในความดูแลของหมอโดยตลอด และหากต้องการอัลตราซาวด์ก็ควรปรึกษาหมอให้แน่ชัด ให้ละเอียด จะได้ปลอดภัย ไม่มีผลกระทบตามมาภายหลัง
เมื่อมาถึงตรงนี้ก็พอจะสรุปได้ว่าการทำ อัลตราซาวด์ 4 มิติ นั้นมีประโยชน์ และปลอดภัย แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหมออย่างใกล้ชิด จะทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของลูกอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงความผิดปกติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เพื่อจะได้ป้องกันรักษาได้ทันเวลา
